เจตนารมณ์ที่แตกต่าง
สัปดาห์นี้ “ป้ายแดงชวนขับ” เลือก มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน มาพิสูจน์ความร้อนแรงให้กับตลาดรถเล็กอีกครั้ง จากรูปร่างหน้าตาที่นอกเหนือจากดีไซน์อันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ด้วยประตูท้ายแบบ คลับ ดอร์ ทำให้ย้อนรำลึกไปถึงรุ่นคลาสสิก มินิ คลับแมน เอสเตท ที่ถูกอกถูกใจ ของแฟนยุคทศวรรษ 1960 และ 1970
ในขณะที่ขอบประตูไม้ถูกแทนที่ด้วยการเล่นสีตัดโทนระหว่างสีตัวถังและเสาหลัง โดยคงเอกลักษณ์ความคลาสสิกแต่แฝงด้วยความนำสมัย ทั้งนี้การเพิ่มความยาวรถขึ้นอีก 24 ซม.ฐานล้อยาวขึ้นอีก 8 ซม.ส่งผลให้มีพื้นที่ประโยชน์ใช้สอยเพิ่มขึ้น ทั้งส่วนห้องเก็บสัมภาระและที่นั่งด้านหลัง โดยเฉพาะประตูด้านข้างแบบคลับ ดอร์ เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถเข้าออกด้านหลังได้สะดวก แต่คงรักษาความสปอร์ตของมินิได้อย่างลงตัว
ระบบพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฟฟ้า (อีพีเอเอส) ทำงานแบบออน-ดีมานด์ ซึ่งเป็นการทำงานเฉพาะในเวลาที่ต้องการ (เช่นถ้ารถวิ่งทางตรงอย่างเดียวก็จะมีการพักการ ทำงานของระบบเพื่อเป็นการประหยัดพลังงาน) ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติไฟฟ้า 6 จังหวะ พร้อมระบบอาจิโทรนิก (Agitronic) ที่นอกจากสามารถ เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็วแล้ว ผู้ขับขี่ยังสามารถเปลี่ยนเข้าสู่โหมดธรรมดาได้จากแป้น เปลี่ยนเกียร์บนพวงมาลัยโดยตรง (ไม่ต้องเปลี่ยนที่คันเกียร์) ทำให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องละมือจากพวงมาลัย
ด้านความปลอดภัยของมินิ คลับแมนเน้นตั้งแต่โครงสร้าง ตัวถังที่ได้รับการเสริมความแข็งแกร่งเป็นพิเศษโดยเฉพาะส่วนประตูข้างแบบ คลับ ดอร์ ระบบเซ็นเซอร์รอบคัน ทั้งแบบทางตรงและทางอ้อม มีหน้าที่ควบคุมอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยต่าง ๆ ให้สอดคล้องกันเพื่อปกป้องผู้โดยสารอย่างสูงสุด ส่วนระบบยางรันแฟลต ซึ่งมีแก้มยางที่แข็งแรงเป็นพิเศษ ในกรณีที่ยางไม่มีลม มินิ คลับแมนคันนี้ก็ยังสามารถบรรทุกผู้โดยสารและสัมภาระเต็ม อัตราวิ่งต่อไปได้อีก 150 กม. (ที่ความเร็ว 80 กม./ชม.)
ส่วนตัวบล็อกเครื่อง ยนต์มินิ คลับแมนใช้วัสดุอะลูมิ เนียมที่ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษเพื่อให้มีน้ำหนักเบาและถ่ายเทความร้อนได้ ดี เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.6 ลิตร เทอร์โบ 175 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-5,000 รอบ/นาที แต่เมื่อมีการเร่งแซงแรงบิดจะเพิ่มขึ้นถึง 260 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-5,000 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ภายในเวลา 7.7 วินาที และทำความเร็วสูงสุด 222 กม./ชม. ส่วนอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 12.7 กม./ลิตร
สรุปแล้วเจ้าคลับแมนตัวนี้มีสายเลือดผสมนักแข่งเต็มพิกัด เพราะความร้อนแรงตั้งแต่การออกแบบที่พิถีพิถันทุกขั้นตอน จนถึงการกระตุ้นความคึกท้าพิสูจน์ใจผู้ขับว่ากล้าพอหรือไม่ที่จะเหยียบคัน เร่งให้รถพุ่งทะยานเกิน 200 กม./ชม.
ทูอินวัน
“ทูอินวัน” ไม่ได้หมายถึงแชมพูพร้อมครีมนวดแต่อย่างใด เพราะมันคือสิ่งที่เคยขาดหายไปในมินิรุ่นก่อน ๆ กล่าวคือหากจะเลือกใช้ชีวิตกับมินิก็เหมือนกับเลือกคบกับหนุ่มสุดฮิป หรือไม่ก็สาวเปรี้ยว แต่กับเจ้าคูเปอร์เอส “คลับแมน” คันนี้ก็เหมือนกับคุณได้ควงแขนหนุ่มหรือสาวสุดเปรี้ยวที่ยังมีความเป็นพ่อ บ้านแม่เรือนได้ในเวลาเดียวกัน! เรียกว่าได้ทั้งบู๊และบุ๋นในคันเดียว
แน่นอนว่าจุดเด่นที่สุดของคลับแมน เห็นจะไม่พ้นประตูอีกหลายบานที่เพิ่มเข้ามา เริ่มต้นที่บานท้ายแบบที่คนนิยมเรียกว่า “ตู้กับข้าว” ก็คือประตูท้ายแบบตู้กับข้าว แบบเปิดออกซ้ายและขวานี้สะดวกสบายกว่าแบบเปิดยกของมินิรุ่นเดิมมากทีเดียว เพราะมุมกางนั้นค่อนข้างแคบและไม่ต้องเปิดหมดทั้ง 2 ข้างก็ใช้งานทั่ว ๆ ไปได้สบาย ๆ แม้พื้นที่สัมภาระนั้นจะไม่ได้ใหญ่โตอลังการอะไรนัก ก็ยังเรียกได้ว่าพอไปวัดไปวาได้สบาย ๆ ไม่เหมือนกับมินิรุ่นมาตรฐานที่แคบเอาซะเหลือเกิน (แต่ก็เห็นในหนังฮอลลีวูดเอามาขนทองแท่งได้หลายแท่งเหมือนกันนิ) แต่ภาพจากกระจกมองหลังนั้นก็ออกจะแปลก ๆ ซักหน่อยเพราะมีขอบประตูบานซ้ายและขวาโผล่มาผ่ากลางกระจกมองหลังเสียนี่ ต้องอาศัยความเคยชินสักครู่ก็จะคลายกังวลไปได้
ส่วนประตูบานพิเศษอีกบานหนึ่งที่เพิ่มเข้ามาทางด้านคนขับนั้นก็ช่วยให้การ เข้าไปยังเบาะหลังทำได้สะดวกขึ้น “บ้างเล็กน้อย” ไม่รู้ว่ามินินั้นจะเหนียวไปถึงไหน ถึงให้มาแค่ข้างเดียวโดยไม่ให้ด้านซ้ายมาด้วย เพราะการจอดรถริมถนนแล้วให้คนนั่งเบาะหลังตะกายออกมาทางด้านคนขับนั้นเป็น ประสบการณ์ที่หวาดเสียวพิลึกแต่จุดสำคัญที่สุดของรถคันนี้เห็นจะไม่พ้น พื้นที่เบาะหลังที่นั่งได้จริงเสียที (แม้จะไม่ได้อลังการนักเช่นเคย) ลืมไปได้เลยกับเบาะสุดแคบของมินิรุ่นปกติที่มักจะเกี่ยงกันว่าใครจะเป็นผู้ รับโชคชะตาที่ต้องไปนั่งหลังในกรณีไปไหนกันหลาย ๆ คน แถมคันที่ได้รับมาทดสอบมาพร้อมกับหลังคากระจกที่เปิดรับแสงและวิวได้จากหน้า จรดหลังช่วยให้คลายความอึดอัดไปได้อักโข
นอกเหนือไปจากนั้นแล้ว มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน คันนี้ก็มีทุกสิ่งที่เป็นองค์ประกอบหลักที่เป็นที่นิยมของมินิรุ่นดั้งเดิม อยู่ครบถ้วน
แต่ถ้าหากคุณยังต้องการมินิที่ใช้งานได้เต็มที่และสะดวกสบายกว่านี้ ผู้เขียนแนะนำว่า ขอให้กำเงินในกระเป๋าต่อไปอีกนิดแล้วหามาเพิ่มอีกหน่อยแล้วรอสอยเจ้า มินิ “คันทรี่แมน” เอสยูวีแบบ 5 ประตูน้องใหม่ในสายพันธุ์มินิที่กว้างขึ้น ยาวขึ้น และมาพร้อมระบบขับ 4 แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยรสชาติแบบ “มินิ” เหมือนเดิม รับรองว่าไม่นานเกินรอชาวไทยได้มีการสอยและถอยมาเป็นเจ้าของแน่ ๆ ฟันธง!!.
มินิในวิญญาณรถแข่ง
ต้องยอมรับว่ารูปร่างหน้าตาของเจ้า มินิคูเปอร์ เอส คลับแมน ดูหน้าตาแปลก ๆ ไปบ้าง แต่สำหรับนักทดสอบ “กีกี้-ศักดิ์ นานา” พรีเซ็นเตอร์กระทิงแดงบอกว่า มินิเด่นตามสไตล์แต่ไม่รู้สึกตื่นเต้น บั้นท้ายรถดูแปลกเป็นแวนซึ่งมีในรุ่นคลาสสิกของมินิ
“พอขับรถรู้สึกได้เลยว่าเบาะนั่งสบาย ความรู้สึกพวงมาลัยเยี่ยมมากเพราะได้ฟีดแบ็กอารมณ์ทุกจุดของรถ ผมคิดว่ารถคันนี้ค่อนข้างแรง อย่างตอนขับรู้สึกได้เลยว่าอัตราเร่งใช้คำว่าดีมาก เหยียบเมื่อไหร่ความเร็วก็มาทันใจซึ่งการควบคุมรถในความเร็วสูงให้ความมั่น ใจมาก บอกได้เลยว่ารถคันนี้เป็นรถถนนแต่วิญญาณเป็นรถแข่งเชียวล่ะ”
กีกี้อธิบายเพิ่มอีกว่า “ผมชอบทั้งสมรรถนะ อัตราเร่ง การทรงตัว ระบบเบรก และช่วงล่างถือว่าดีมาก แต่รถคันนี้ท้ายค่อนข้างไว เพราะการเซตรถออกมาเหมือนกับรถแข่ง ตอนขับให้อารมณ์เหมือนรถแข่งเช่นกัน เวลาโยนพวงมาลัยเร็วท้ายรถมีอาการสะบัดนิด ๆ ซึ่งก็มีทั้งจุดดี จุดเสียต่างกัน
จุดดีก็คือ ทำให้รถเลี้ยวดี เลี้ยวเร็วและเลี้ยวง่ายขึ้น หรือสามารถขับเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงมาก ๆ ได้ดี แต่ปัญหาสำหรับคนที่ไม่มีประสบการณ์ควบคุมรถในความเร็วสูงอาจไม่ชอบว่าท้าย เหวี่ยง ๆ สะบัด แต่ผมเชื่อว่าคนที่ชอบมินิหรือชอบรถเล็กและขับเร็วจะเข้าใจในจุดนี้เพราะพอ โยนพวงมาลัยเร็ว ท้ายจะช่วยส่งจังหวะให้เลย จึงดูเหมือนท้ายหลุด ๆ แต่ความจริงไม่หลุด ที่สำคัญขอให้จำไว้เลยว่าใครก็ตามที่ขับรถประมาณนี้อย่าถอนคันเร่งออก แต่ให้หันพวงมาลัยไปตามทิศที่เราต้องการแล้วแช่คันเร่งไว้ แล้วรถจะหันกลับมาที่เดิม”
จุดเดียวที่ขอติคือระบบแรงบิด จากการที่รถคันนี้ไม่มีลิมิเต็ด สลิป ดิฟเฟอร์เรนเชียล (แอลเอสดี) ก็คือการที่ไม่มีระบบล็อกล้อให้ล้อหน้า 2 ฝั่งทำงานพร้อมกัน ส่งผลให้การทำงานของพวงมาลัยเพี้ยนไป สมมุติว่าตอนรถออกตัว ล้อที่น้ำหนักเบากว่าจะหมุนฟรี ฉะนั้นรถคันนี้พอเข้าโค้งด้วยความเร็วถึงเกินรถที่จะรับได้จะเกิดจุดอันตราย แต่ถ้ามีระบบแอลเอสดี พวงมาลัยจะดึงกลับมาให้ตรง
ด้านภายในนั้นกีกี้มีความเห็นว่า “หน้าปัดชัดเจนแล้วก็ น่ารักดูไม่เบื่อ สีภายในรถเป็นแบบเปียโนแบล็ก เป็นซิลเวอร์ สเตนเลสบางช่วง ให้ความรู้สึกว่าใช้วัสดุแพง มีการเก็บรายละเอียดทุกจุด แต่ขอติหน่อยว่ามินิน่าเพิ่มเงินใส่ระบบกระจกไฟฟ้าอัตโนมัติ อย่างไรก็ดีผมคิดว่าคนดีไซน์รถคันนี้ขึ้นมาต้องคิดเยอะ โดยเฉพาะตอนทดสอบช่วงบ่ายมีแดดส่องเข้าฝั่งขวามือเต็ม ๆ แต่มินิก็มีที่บังแดดด้านข้างคนขับ นอกเหนือจากด้านหน้า ผมสรุปได้เลยว่ามินิเป็นรถที่ดีมาก ๆ คันหนึ่งในความคิดของผม”.
เรื่อง : ภัทรกิติ์ โกมลกิติ, ลำยอง ปกป้อง
ภาพ : สกาวรัตน์ ปัญญาอุตม์